ผลของเบทาอีนต่อความชุ่มชื้นและการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์

ออสโมไลต์อินทรีย์เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่รักษาความจำเพาะต่อการเผาผลาญของเซลล์และต้านทานแรงดันออสโมซิสเพื่อรักษาเสถียรภาพของสูตรโมเลกุลขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น น้ำตาล โพลีอีเทอร์โพลีออล คาร์โบไฮเดรต และสารประกอบ บีเทนเป็นสารอินทรีย์ที่ซึมผ่านได้หลัก

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่ายิ่งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมีความแห้งแล้งหรือมีความเค็มมากเท่าใด ปริมาณเบตาอีนในเซลล์จุลินทรีย์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

01

เซลล์ผิวหนังเปลี่ยนความเข้มข้นของออสโมไลต์ในเซลล์ตามออสโมไลต์อินทรีย์ที่สะสมหรือปล่อยออกมา เพื่อรักษาปริมาตรและสมดุลน้ำของเซลล์อย่างมีพลวัต

เมื่อแรงดันออสโมซิสภายนอกที่สูง เช่น การขาดน้ำของผิวหนังชั้นนอก หรือรังสีอัลตราไวโอเลต จะทำให้สารออสโมซิสไหลออกสู่เซลล์ผิวหนังจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะอะพอพโทซิสของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก และสารออสโมซิสเบตาอีนสามารถยับยั้งกระบวนการทั้งหมดได้อย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อใช้บีเทนในผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล บีเทนจะถูกใช้เป็นสารแทรกซึมอินทรีย์เพื่อรักษาสมดุลการซึมผ่านของเซลล์ตามการซึมผ่านเข้าสู่ชั้นหนังกำพร้าของผิวหนัง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวชั้นบน หลักการให้ความชุ่มชื้นที่เป็นเอกลักษณ์ของบีเทนทำให้คุณสมบัติการให้ความชุ่มชื้นของบีเทนแตกต่างจากมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไป

02

เมื่อเปรียบเทียบกับเจลไฮยาลูโรนิกแอซิด บีทรูทแม้จะมีความเข้มข้นต่ำก็ยังให้ผลในการให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Vichy Fountain Deep Moisturizing จากลอรีอัล ฝรั่งเศส ได้เพิ่มส่วนผสมเหล่านี้เข้าไป โฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า "น้ำประปา" อ้างว่าผลิตภัณฑ์สามารถดึงความชุ่มชื้นจากผิวชั้นลึกเข้าสู่ผิวได้แม้ใช้น้ำน้อย ช่วยให้ผิวชั้นบนได้รับน้ำอย่างเพียงพอ


เวลาโพสต์: 03 ก.ย. 2564