โพแทสเซียมไดฟอร์เมตเป็นเกลือกรดอินทรีย์ที่ใช้เป็นสารเติมแต่งอาหารและสารกันบูดเป็นหลัก โดยมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และทำให้ลำไส้เป็นกรด
มันถูกใช้กันอย่างแพร่หลายมุ่งเน้นในการเลี้ยงสัตว์และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อปรับปรุงสุขภาพสัตว์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
1. ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย:
โพแทสเซียมไดฟอร์เมตสามารถยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค เช่น Escherichia coli และ Salmonella ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการปล่อยกรดฟอร์มิกและเกลือฟอร์เมต ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์แบคทีเรีย และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในลำไส้ในสัตว์
2. ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหาร:
สร้างกรดให้กับสภาพแวดล้อมของลำไส้ กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ย่อยอาหาร ปรับปรุงอัตราการใช้ประโยชน์ของสารอาหาร เช่น โปรตีนและแร่ธาตุในอาหาร และเร่งอัตราการเจริญเติบโตของสัตว์
3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน:
ด้วยการควบคุมสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันสัตว์ทางอ้อม และลดการเกิดโรค
4. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ:
ส่วนประกอบของกรดฟอร์มิกสามารถชะลอการเกิดออกซิเดชันของอาหาร ยืดอายุการเก็บรักษา และปกป้องเซลล์สัตว์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
แอปพลิเคชัน:
สารเติมแต่งอาหาร:เพิ่มลงในอาหารสัตว์ เช่น หมู ไก่ วัว เพื่อปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นสารอาหารที่ดี และลดปัญหาลำไส้ เช่น โรคท้องเสีย
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ:ปรับปรุงคุณภาพน้ำ ยับยั้งการแพร่กระจายของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายในน้ำ และส่งเสริมการเจริญเติบโตที่มีสุขภาพดีของปลาและกุ้ง
การถนอมอาหาร:ใช้เป็นสารทำให้เป็นกรดในอาหารหรือสารกันบูดเพื่อถนอมอาหารแปรรูปบางชนิด
วัตถุที่ใช้ได้:สำหรับใช้กับสัตว์เท่านั้น ไม่ใช้เป็นอาหารหรือยาของมนุษย์โดยตรง
การควบคุมปริมาณยา:การเติมมากเกินไปอาจทำให้เกิดกรดในลำไส้สัตว์มากเกินไป และควรเติมตามปริมาณที่แนะนำ (โดยปกติคือ 0.6% -1.2% ของอาหาร)
เงื่อนไขการจัดเก็บ:ปิดผนึกและเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
กลไกการออกฤทธิ์ของโพแทสเซียมไดฟอร์เมตมีความชัดเจนและมีความปลอดภัยสูง แต่การใช้งานจริงต้องปรับตามชนิดของสัตว์ ระยะการเจริญเติบโต และสภาพแวดล้อมในการให้อาหาร เมื่อพูดถึงอัตราส่วนอาหารหรือการป้องกันและควบคุมโรค ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือช่างเทคนิคการเกษตร
เวลาโพสต์: 29 เม.ย. 2568
